Ear Piercing

วันอาทิตย์พาเก๋(พี่สาว)ไปเจาะหู แม่บอกให้ไปเจาะตั้งนานแล้ว แต่เก๋ไม่อยากไป บอกว่ากลัว และไม่อยากเจาะหู แต่แม่ก็ยืนยันแกมบังคับว่าต้องไปเจาะ เป็นการเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงาน เห็นว่าในบรรดาของที่เป็นสินสอดจะต้องมีตุ้มหู(ต่างหู)ด้วย ถ้าไม่เจาะหูก็ใส่ไม่ได้ เก๋ก็เลยต้องทำตาม ซึ่งตอนโน้นเราบอกเก๋ไปว่า "เจาะหูไม่เห็นมีอะไรเลย เดี๋ยวนิจพาไปเจาะเอง ดีไม่ดีนิจจะเจาะเพิ่มอีก ๒ รูก็ได้ เป็นเพื่อนกัน"

ตอนแรกตั้งใจว่าจะพาเก๋ไปเจาะหูตอนวันเกิด (เอาฤกษ์??) แต่พอดียุ่งๆ ด้วยกันทั้งคู่ (ที่จริงเก๋ยุ่ง หนีไปกินข้าวฉลองกับเพื่อน ทิ้งให้เรากินข้าวคนเดียว) แล้วเก๋ก็ดูท่าทางไม่ได้กระตือรือร้นอะไร จนในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่จะโอ้เอ้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ก่อนไปเราก็ยังบ่นว่า เจาะช้าไปต้องหายไม่ทันแน่ๆ เลย (เหลือเวลาอีก ๓ อาทิตย์กว่าๆ) เก๋ก็แบบว่า "เหรอๆ ใช้เวลานานเหรอ เจ็บไหม" ฯลฯ (นี่เป็นไม่กี่อย่างที่เรามีประสบการณ์ก่อนเก๋ อย่างอื่นก็อย่างเช่น การเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ หรือการไปเรียนต่อต่างประเทศ) เราก็บอกว่า เจ็บสิ แผลหายช้าด้วย ดีไม่ดีหูเน่าอีกตะหาก ;-)

พอไปถึงที่เคาน์เตอร์ขายตุ้มหู ก็ถามพนักงานว่าเจาะหูเท่าไหร่ (เขาเขียนว่า เจาะหูฟรี แต่มันเป็นเรื่องโกหก ใช่ๆ เจาะหูฟรี แต่คุณต้องซื้อตุ้มหูของฉันนะ) เขาบอกว่า ๗๕๐ บาท (โห.. แพงว่ะ นิจเจาะคราวที่แล้ว แค่ ๔๕๐ เอง ประมาณ ๓ ปีที่แล้ว อ่ะนะ) เก๋ก็ถามว่า นานไหมกว่าจะแผลหาย เขาบอกว่าต้องใส่ไว้ ๑ เดือน เก๋ก็นึก เอาละซี ทำไงดี อีก ๓ อาทิตย์ต้องเปลี่ยนไปใส่ตุ้มหูที่เป็นสินสอด แต่พอคุยไปคุยมา จริงๆ แล้วก็คือว่า ถ้าไม่ใส่ไว้ถึง ๑ เดือน เดี๋ยวมันก็จะปิดกลับไปอีก หูตันอ่ะนะ เพราะฉะนั้นของเก๋ก็โอเค เพราะพอถึงวันงานก็ ๓ อาทิตย์กว่าแล้ว ก็คงถอดตุ้มหูคู่ที่ใช้เจาะออกได้ แล้วใส่ตุ้มหูสินสอด ก็คงไม่มีปัญหา

เก๋ถามว่าเราจะเจาะด้วยไหม เราบอกว่าไม่เจาะ (ที่จริงก็อยากจะเจาะเพิ่มอีก ๒ รูเหมือนกัน แต่มันแพง ก็เลยไม่เจาะดีกว่า) เก๋ก็เลยเลือกแบบตุ้มหู ได้ที่เป็นรูปดาวมีเพชร(ปลอม)เล็กๆ ตรงกลาง ทำด้วยทอง(เค) เขาก็ไปให้นั่งที่เก้าอี้ ระหว่างนี้นิจก็"ปลอบใจ"เก๋ โดยอธิบายให้ฟัง ว่าเขาจะเอาตุ้มหูยิงเข้าไปที่หู ทีละข้าง เจ็บชิบเป๋งเลย เก๋ถามว่าจริงเหรอ เราบอกว่า "จริงสิ โค…ตรเจ็บเลย" พอดีพนักงานเขาก็เอาปากกามามาร์คตำแหน่งที่จะเจาะ แล้วให้เราช่วยดู เราก็บอกว่ามันเบี้ยวไป ให้ขยับหน่อย เขาก็ว่าไม่เบี้ยว… เก๋หาว่าเราตาเอียง เราก็เลยบอกว่า "เอ้า ไม่เบี้ยวก็ เจาะเลยๆ" เขาก็ชักเกิดอาการลังเลขึ้นมาอีก เลยให้เจ้าตัว (เก๋) ดูเอง เก๋ก็คงอารามตื่นเต้น + หนาว ก็บอกว่า เอาเถอะเจาะเลย

พอเขาเอาที่เจาะหูที่หน้าตาเหมือนที่แม็กเย็บกระดาษอันใหญ่ๆ (แบบที่ใช้ยิงบอร์ดได้ด้วยอ่ะ)มาทาบที่หูเก๋ นิจวรรณก็บ่นว่า โอยๆๆ เจ็บแน่เลยๆๆ ให้เก๋ได้ยิน พนักงานเขารีบกระซิบบอกเก๋ว่า "ไม่เจ็บขนาดนั้นหรอกนะ จะว่าไม่เจ็บเลยก็ไม่ได้ ก็เจ็บหละ แต่ไม่มาก เนี่ยเจาะมาหลายคนแล้ว เชื่อฝีมือเหอะ" แต่นิจก็ยังมุ่งมั่นต่อไป "เจ็บสุดๆ เลยนะ" ปากก็พูดไปแต่ตาก็หันไปมองทางอื่น ก็ไม่กล้ามองนี่นะ กลัวเป็นลม (คงยังพอจำเหตุการณ์ในเรื่อง Bloody Day กับ Shaking… Chicken… กันได้) ได้ยินเสียงดังกรึ๊บ อืมม์… เสร็จไป ๑ ข้าง เราก็หันไปถามเก๋ "เจ็บไหม" เก๋บอกว่า "ก็เจ็บเหมือนกัน" กำลังจะพูดต่อ พนักงานเขาก็หยิบที่เจาะอีกข้างหนึ่งมาจ่อที่หู เก๋ก็ทำคอย่น เกร็งตัว เราก็รีบหันไปมองทางอื่น ได้ยินเสียง "กรึ๊บ!!" ต่อด้วย "โอ๊ย!" ปรากฏว่าคราวนี้เก๋เกร็งไปหน่อยเลยเจาะไม่ค่อยถนัด พนักงานต้องเอามือกดๆ แงะๆ ให้ตุ้มหูหลุดจากที่เจาะ

เราสำรวจความเรียบร้อยกัน นิจก็รู้สึกว่า ข้างซ้ายมันดูจะเตี้ยกว่าข้างขวานิดหนึ่ง ก็บอกเก๋ เก๋ดูกระจกแล้วก็บอกว่า "อือ… ตอนที่เขาใช้ปากกาจุด ก็คิดอยู่เหมือนกัน" เก๋บอกว่าตอนที่เจาะข้างแรกไม่เจ็บเท่าข้างหลัง (หมายถึงว่า ข้างที่ถูกเจาะทีหลัง ไม่ใช่ สิ่งที่ตรงข้ามกับ ข้างหน้า เพราะหูมีแต่ข้างซ้ายกับข้างขวา ไม่ใช่ข้างหน้ากับข้างหลัง…) เป็นเพราะยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ไม่รู้ตัวก็เลยตกใจมากกว่าเจ็บ ส่วนครั้งหลังเจ็บกว่า เพราะรู้ตัวแล้ว แถมไปเกร็งอีก เลยยิ่งไปกันใหญ่ เราบอกว่า ที่จริงมันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก แกล้งพูดให้มันเวอร์ๆ เข้าไว้ เก๋จะได้คิดเผื่อไป พอเจาะจริงจะได้ไม่เจ็บเท่าที่คิด

เขาให้น้ำยาที่เป็นอัลกอฮอล์มาด้วย แต่ไม่ยอมบอกว่าต้องทำยังไง ดีว่านิจวรรณเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว ก็เลยทำท่าผู้รู้อธิบายเป็นฉากๆ (เหมือนกับว่า เก๋นี่ช่างไม่รู้อะไรเลย… นี่นะ ต้องทำแบบนี้ นี่น้ำยานี่ เอาหยดๆ ที่หู ด้านหน้า ด้านหลัง แล้วก็หมุนๆ ตุ้มหู มันจะได้ไม่ติด แล้วระวังนะ เดี๋ยวมันจะมีน้ำหนองไหลยืดๆๆ ออกมา รู้ไหม น้ำยานี่หยอดเช้าเย็นนะ เพื่อทำความสะอาด หูจะได้ไม่เน่า เนี่ย ตอนหมุนตุ้มหูนะ มันเจ๊บเจ็บ บางทีเลือดไหลด้วย ฯลฯ อย่างว่าอ่ะนะ เก๋เป็นพี่สาวเรามายี่สิบกว่าปี เขาชินแล้วกับเรื่องแบบนี้) เก๋ฟังไปก็บ่นไป "ไม่อยากเชื่อเลยต้องมาเจาะหูตอนอายุ ๓๑"

พอตอนจะกลับบ้าน แม่โทรมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เก๋บอกว่า ข้างหนึ่งมันดูเหมือนเตี้ยไปหน่อย แม่ก็บ่นว่า แล้วทำไมไม่ให้เขาใช้ปากกาจุดก่อนจะเจาะ เก๋บอกว่าเขาทำแล้ว แต่มันก็ยังไม่เท่ากันอยู่ดี แม่บอกว่า "แกน่าจะไปให้เขาเจาะใหม่" เก๋รีบโวย "เฮ้ยยย ไม่เอาหรอก ช่างมันเหอะ"