จดหมายรัก
ตั้งท่าจะไปดูหนัง “จดหมายรัก” มาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพิ่งมาได้ดูเอาวันนี้ ที่ยากลำบากขนาดนี้ก็เพราะว่า เสี่ยเจียงเจ้าของสหมงคลแกไม่ถูกใจกับเจ้าของโรงหนังค่ายเมเจอร์ฯ แกเลยประกาศว่าหนังที่สหมงคลจัดจำหน่าย (เขาเรียกแบบนี้หรือเปล่า) จะไม่ฉายในเครือเมเจอร์ฯ ในย่านที่เราไปดูหนังสะดวกมันมีแต่โรงของเมเจอร์ฯ พอจะไปดูค่ายอื่นก็ต้องตั้งท่าวางแผน ไม่ได้นึกจะดูก็ดูได้เลยแบบไปดูเมเจอร์ฯ (เออ... แต่วันก่อนเสี่ยเจียงเพิ่งมาประกาศยอมแพ้ เพราะค่ายเมเจอร์ฯไปควบรวมกิจการกับค่ายอีจีวี กลายเป็นโมโนโพลี่ระบบโรงหนัง เสี่ยเจียงไม่ถูกกับเมเจอร์ฯ ก็ฉายหนังแค่โรงของแกเอง คือ เอสเอฟฯ กับโรงต่างจังหวัด อยู่ไม่ได้แน่นอน เลยต้องยอมแพ้...)

เราได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างของหนัง “จดหมายรัก” นี่ เป็นประมาณว่า “น้ำตาท่วมโรง” กับเสียงเชียร์จาก พี่หนิงผู้มุ่งมั่น มาเป็นระยะๆ ว่า “คนที่มีแฟน ไปดูหนังเรื่องนี้แล้วจะรักแฟนมากขึ้น” แหม... ย้ำอยู่นั่นแล้ว เราก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์หรือเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่แถวๆ นี้เลย แต่... เราเป็นพวกอยากรู้อยากลองก็ต้องไปดูซักหน่อย

อ่ะนะ... ต่อไปนี้ท่าทางจะเป็น Spoiler เปิดเผยเนื้อเรื่องเปิดเผยมุข (ยังมุ่งมั่นจะเขียนคำว่า “มุข” ด้วย ขอไข่ต่อไปถึงพจนานุกรมจะเป็น “มุกตลก” ไปแล้ว ใครจะทำไม?? ) ถ้าใครเป็นพวกไม่ชอบรู้เรื่องก่อนจะดูหนัง และตั้งใจจะดูหนังเรื่องนี้ ก็ข้ามตอนนี้ไปก่อน ไว้ดูเสร็จแล้วค่อยกลับมาอ่านใหม่ (เตือนอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่เห็นมีใครจะเชื่อเลย ทีหลังจะไม่เตือนแล้วนะ เห็นเราเขียนเรื่องหนังก็ให้รู้ไว้เลยว่าเราเล่าเรื่องแน่ๆ ห้ามมาบ่นทีหลังว่า ก็ฟังเราเล่าแล้วเลยไม่เซอร์ไพรส์)

ก่อนอื่นสารภาพความเป็น “กระด้างวูแม่น” ก่อน คือ เราดูหนังเรื่องนี้แล้วน้ำตาไม่ไหลซักกะหยด ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ พอถึงตอนที่เศร้าสุดๆ นางเอกโทรไปหาพระเอก พูดไปน้ำตาไหลเป็นเผาเต่า เราเกือบขำออกมาด้วยซ้ำ ก็แบบว่าผู้หญิงข้างซ้ายเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาแบบเช็ดแล้วเช็ดอีก ผู้หญิงข้างขวาสูดน้ำมูกดังฮึกๆๆ มีอีป้านั่งยิ้มเผล่แกมงงๆ อยู่ตรงกลาง แบบว่า อินอะไรกันขนาดนั้นนนนน...

เรารู้สึกว่า คนที่จะอินกับหนังเรื่องนี้ได้ (หรือเรื่องไหนก็แล้วแต่) ต้องเชื่อในเนื้อหาในหนัง แต่เราไม่ค่อยเชื่ออ่ะ คือพระเอกใน “จดหมายรัก” เนี่ย เป็นคนดีมากๆ รักนางเอกมากๆ เราไม่เชื่อว่าจะมีผู้ชายอย่างนี้ในโลกอ่ะ (อันนี้เป็นความเชื่อ (หรือ ความไม่เชื่อ) ส่วนตัวในธรรมชาติมนุษย์ผู้ชายอ่ะนะ) พี่แกทำดีกับนางเอกขนาดนางเอก อึ้ง... แล้วถามว่า “เธอไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมเราถึงเพิ่งมาเจอกัน” เราว่าถามผิดไป ที่จริงควรจะถามว่า “นี่เธอเป็นคนจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าฉันฝันไป” ประมาณนั้นอ่ะ

อีกอันก็คือเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องความรักกันสุดสวาทขาดใจระหว่างคู่รัก (ใครจะว่าเรา cynical กับความรักก็ตามที) มันหายากมากๆ นะ ไอ้ความรักแบบหัวทิ่มหัวตำ ขาดกันไม่ได้ทำให้คนที่รักได้ทุกอย่าง (อย่างไร้เหตุผล) อันนี้ยอมรับว่าเป็นที่วัยวุฒิอ่ะ ถ้าไปถามเด็กๆ วัยรุ่น (หรือถามคนที่เชื่อเรื่องผี – เคยได้ยินไหมที่เขาว่า รักแท้ก็เหมือนผี มีแต่คนพูดถึงมัน แต่ไม่เคยมีใครเห็นมันจริงๆ ซักคน) ก็อาจจะได้คำตอบที่ต่างไป อ้อ... อีกสาเหตุที่ไม่อินจนน้ำตาไหลก็คงเป็นเพราะ “ตั้งใจ” มากไปหน่อย คือ มัวแต่คิดตลอดว่าแต่ว่า เดี๋ยวฉากนี้มันต้องโดน(ใจ)แน่ๆ เลย แล้วเหลือบไปก็เห็นคนข้างๆ ตะคุ่มๆ เช็ดน้ำตา ส่งเสียงฮึกๆ ฮักๆ ก็เลยหมดกัน...

แต่ถึงไม่เชื่อในเนื้อหา เราก็ยัง enjoy กับหนังนะ เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่ง ดาราก็เล่นใช้ได้ หนังก็คุมโทนได้โอเค (ไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่าว่า เป็นเพราะผู้หญิง – คุณผอูน จันทรศิริ – เป็นผู้กำกับ ทำให้โทนหนังออกมาแบบนั้น คือเหมือนกับคนดูตามมองชีวิตของตัวเอกไปเรื่อยๆ ในขณะที่ถ้าให้ผู้ชายกำกับ มันน่าจะออกอีกแนวหนึ่ง ประมาณแกรนด์ๆ อ่ะ พูดไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้ว่าแบบไหนดีหรือไม่ดีนะ แค่รู้สึกแตกต่าง) โลเคชั่นก็ดีนะ ได้รูปสวยๆ วิวสวยๆ (แต่น่าจะจัดให้แสงเป็น “ภาพวาด” ได้มากกว่านี้ แต่นั่นก็อาจจะทำให้หนังยิ่งโมแรนติกเกินไปหรือเปล่า)

เขาบอกว่าหนังเรื่องนี้ทำจากหนังเกาหลี เราก็นึกไปถึงเรื่องที่มีจดหมายเกี่ยวข้องที่นางเอกเอาจดหมายของพ่อแม่มาอ่าน ถึงได้รู้ว่าความรักของพ่อแม่ไม่ได้สมหวัง แล้วเรื่องก็มาผูกพันกับความรักของตัวลูกที่เป็นนางเอกในตอนหลัง เราจำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่มีคนมาบอกว่าคือ The Classic ปรากฏว่าไม่ใช่ “จดหมายรัก” ทำจากหนังเกาหลีเรื่อง The Letter

เราดูได้หนังเกาหลีหลายๆ เรื่อง ส่วนใหญ่พล็อตเรื่องน่าสนใจดี (อย่าง Il Mare ไง) แต่ไม่คิดว่าได้ดูเวอร์ชั่นเกาหลีของ The Letter แต่ดู “จดหมายรัก” แล้วรู้สึกคุ้นหรือรำลึกไปถึงหนังเรื่องอื่น เป็นต้นว่า เรื่อง The Love Letter ที่เคยเล่าไปตอนเขียนเรื่องหนังสือ จดหมายรัก ของ ปราย พันแสง เป็นหนังเล็กๆ แค่จดหมายรักฉบับเดียว สร้างแรง(รัก)กระทบไปโดนคนหลายๆ คู่อย่างน่าอัศจรรย์

แล้วเราก็นึกไปถึงเรื่องที่เราเคยอ่านหรือเคยดูเป็นหนังก็จำไม่ได้ ที่เป็นเรื่องรักมากๆ แบบนี้แหละ ประมาณว่าผู้ชายตายไปก่อน แต่ส่งดอกกุหลาบมาให้ผู้หญิงทุกปี ในวันที่ตรงกัน เพราะเขาเคยทำแบบนั้นมา และสัญญากับผู้หญิงว่าจะทำไปตลอดชีวิต ประมาณว่าก็ตั้งเป็นกองทุนเอาไว้ แล้วก็ให้คนจัดการเอาเงินนี้มาซื้อดอกไม้ส่งให้ผู้หญิงทุกๆ ปีไม่เคยผิดสัญญา จนผู้หญิงตายไป ฟังดูไม่ค่อยเกี่ยวแต่ก็เกี่ยวอ่ะนะ

เขียนมายาวยืดสะเปะสะปะ ไม่เป็นเรื่องเป็นราว ถ้าจะยังมีคนสงสัยว่าควรจะไปดูหนังเรื่องนี้หรือเปล่า เราขอบอกว่าถ้าจะไปดูกับแฟน คิดดีๆ หน่อยละกัน ถ้าไม่รักกันจริงๆ ให้ลองนึกดูว่า ถ้าไปดูหนังเรื่องนี้แล้วร้องไห้ฟูมฟาย ไอ้บ้านั่นมันจะคิดว่า เธออินเกินไปหรือเปล่า จะให้กรูดีอย่างพระเอกในเรื่อง เธอคงฝันไป แต่ถ้าดูแล้วเป็นกระด้างวูแม่น ไอ้บ้านั่นมันก็อาจจะหาเรื่องจับผิดว่า นี่เธอเป็นอะไรใจแกร่งดั่งหินผา ดูสิจะอ่อนไหวใสซื่อ หรือจะใจแข็งแกร่งมีสติ จะไปก็ไม่งามซักทาง ถ้าจะไปดูกับเพื่อน ก็ต้องเลือกที่ไว้ใจได้ว่าจะแสดงออกไปทางเดียวกัน ถ้าไปดูแล้วเราร้องไห้ เพื่อนไม่ร้อง ก็เขินๆ นะ แต่ถ้าเราไม่ร้องไห้ แล้วเพื่อนน้ำตาเปียก ก็อาจจะโดนกระแนะกระแหนว่าไม่อ่อนไหว ใจด้านเกินอีก สรุปว่าไปดูคนเดียว เซฟที่สุด (นี่ไม่ได้องุ่นเปรี้ยวเลยนะ)